ตอนนี้หลายๆ คนต่างยกให้ ลิเวอร์พูล คือคู่ปรับสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการชิงชัยโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ หลังจากผลงานของทีมในช่วงเวลานี้ แม้จะเป็นเพียงแค่ต้นฤดูกาลแต่รูปแบบการเล่น รวมทั้งขุมกำลังของ "หงส์แดง" ในเวลานี้น่าเกรงขามที่สุดหากไม่นับ "เรือใบสีฟ้า"
สำหรับจุดแข็งปั๋งดึ๋งดั๋งตึ๋งตั๋งของ ลิเวอร์พูล คงหนีไม่พ้นเกมรุกโดยเฉพาะในแผงกองกลางที่ต้องบอกได้เลยว่าอุดมไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าฉมัง และสามารถทดแทนกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งเหมือนสมัยที่ทีมยังมีฟิลิปเป้ คูตินโญ่
อย่างไรก็ตามการมีกองกลางสุดแกร่งอยู่ในทีมหลายคน แต่ทีมจำเป็นต้องส่งลงสนามได้เพียง 3 คนเท่านั้นในแผงมิดฟิลด์ ตามแผนที่ คล็อปป์ มักนิยมใช้นั่นก็คือระบบ 4-3-3 แล้วใครล่ะที่เหมาะจะเป็นตัวจริง ? นี่คือคำถามที่ กุนซือเลือดด๊อยท์ช ต้องตอบ แต่ดูเหมือนคงไม่ยากสำหรับเขาเท่าไหร่
1. นาบี เกอิต้า
2. ฟาบินโญ่
เขาเป็นกองกลางตัวรับ ซึ่งสามารถขยับไปเล่นแบ็กขวาได้เหมือนที่เคยทำสมัยค้าแข้งกับ โมนาโก ขณะเดียวกัน ดาวเตะเลือดบราซิเลียน มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งทำให้นักเตะสามารถช่วยสกัดกั้นการโจมตีของคู่แข่งด้วยการยืนอยู่ด้านหน้าแผงกองหลังแบ็กโฟร์ "เดอะ เร้ดส์"
ฟาบินโญ่ ยังมีความสามารถในการครองบอลได้ดีเยี่ยม และมีดีในการเล่นจังหวะสวนกลับ รวมไปถึงการชิพบอลข้ามแผงหลังคู่แข่งเพื่อให้กองหน้าของลิเวอร์พูล ได้สร้างโอกาสในการทำประตู
3. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
ในแมตช์พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทุกๆ คนคงได้เห็นสายตาที่เฉียบคมในการทำประตูของเขากันแล้ว แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอนาคต แชมเบอร์เลน อาจจะขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า
อย่างไรก็ตามสำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว ดาวเตะดีกรีทีมชาติอังกฤษ เหมาะสมกับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งสามารถลากบอลจากแดนตัวเอง และวิ่งทะลุทะลวงเกมรับคู่แข่งได้ และในตำแหน่งนี้มันทำให้เขาเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ทางเลือกที่สี่ในการทำประตูของ คล็อปป์
4. เจมส์ มิลเนอร์
ศักยภาพของ มิลเนอร์ ในวัย 32 ปีมีเหลือล้นจริงๆ โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเขามีสถิติแอสซิสต์ 9 ครั้งใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นสถิติของทัวร์นาเมนต์นับตั้งแต่ฤดูกาล2003/04 ซึ่งเป็นซีซั่นที่มีการจดบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันการเล่นลูกเซตเพลย์ก็ยังคงน่ากลัวอย่างต่อเนื่อง (โดยเฉพาะจุดโทษ)
5. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
เฮนเดอร์สัน ได้เติมเต็มศักยภาพในตำแหน่งนี้ตอนที่เขาเล่นให้ อังกฤษ ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย "เฮนโด้" เป็นตัวขับเคลื่อนให้ทัพ "สิงโตคำราม" ด้วยการผ่านบอลที่แม่นยำ ขณะเดียวกันก็มีพลังเหลือเฟือในการวิ่งคุมพื้นที่
ดาวเตะเลือดผู้ดี เป็นหัวใจในแดนกลางของ ลิเวอร์พูล และในฐานะกัปตันทีม เขาเป็นคนที่ความเป็นผู้นำ และมีทักษะในการจัดการซึ่งสิ่งนี้ทำให้ยากที่จะตัดเขาออกจากทีมได้จริงๆ
6. จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม
ไวจ์นัลดุม เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับทั้ง 2 แมตช์ ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาคุ้นเคย แต่ความสามารถในการควบคุมหลายๆ สิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ฉลาดมากๆ ทั้งการครองเกม และเติมเกมบุก
นอกจากนี้ อดีตดาวเตะนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังพร้อมที่จะพาบอลขึ้นไปข้างหน้าเพื่อหาช่องทำประตู และการผ่านบอลที่ชาญฉลาดให้กับแนวรุกทั้ง 3 คนของทีม (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โม ซาลาห์) ทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ นั่นทำให้ ไวจ์นัลดุม เป็นนักเตะที่ล้ำค่ามากๆ สำหรับ คล็อปป์ ในซีซั่นนี้
7. อดัม ลัลลาน่า
อดีตสตาร์ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน สามารถเล่นได้ในทุกๆ ตำแหน่งแดนกลาง แต่ที่อันตรายที่สุดก็คือการให้เขาได้มีอิสระในการเติมเกมรุก ซึ่งนั่นจะทำให้ ลัลลาน่า งัดศักยภาพชั้นยอดของเขาออกมา โดยเฉพาะในการสร้างสรรค์โอกาสทำประตู
อย่างไรก็ตามมีคำถามเดียวเท่านั้นสำหรับตัวเขาก็คือเรื่องสภาพความฟิต ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ลัลลาน่า จำเป็นต้องพัฒนาเรื่องนี้ในช่วงหลายๆ สัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง
โพสต์โดย : GM BOYY เมื่อ 25 ส.ค. 2561 17:18:03 น. อ่าน 497 ตอบ 0