สนาม : เวลตินส์ อารีน่า
โดเมนิโก้ เตเดสโก้ เทรนเนอร์ชาลเก้ พาทีมเข้ารอบนี้ ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ดี ก่อนเสมอไฟร์บวร์ก 0-0 ในเกมลีกล่าสุด ทำให้ไม่ชนะมา 2 เกมแล้ว
ส่วน เซบาสเตียน รูดี้ ที่ติดคาดโทษต้องระวัง เพราะถ้าโดนจดชื่อก็จะพลาดเกมนัด 2 ทันที
แม้จะเป็นรองแต่แนวรุกนั้นราชันสีน้ำเงินจะจัดเต็มพิกัดอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค อูธ, อาห์เหม็ด คูตูกู และ แร็บบี มาตอนโด้ พร้อมลงล่าตาข่าย
ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์แมนฯ ซิตี้ พาทีมเข้ารอบนี้ ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ ก่อนถล่มนิวพอร์ท 4-1 ในเกมเอฟเอ คัพล่าสุด เป็นชัยชนะ 4 นัดติด ในขณะที่ผลงานลีกก็ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ผงาดนำเป็นจ่าฝูงอยู่ แม้จะแข่งมากกว่าลิเวอร์พูลหนึ่งเกมก็ตาม
สภาพทีมเกมนี้ เป๊ปไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม ขาดแค่พวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ซึ่งก็ไม่ส่งผลอะไร
แต่พวกตัวทีเด็ดอย่างเควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' ที่ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์ ก็พร้อมคัมแบ็กตามปกติ
แต่ในรายของ ''กุน'' รวมไปถึง นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ แฟร์นันดินโญ่ ที่มีใบเหลืองติดตัวก็ต้องระวัง เพราะถ้าโดนจดชื่อเพิ่มก็จะชวดนัด 2 ทันที
คาดว่า แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' และ ลีรอย ซาเน่ จะได้ออกสตาร์ตทั้งหมด
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (4-3-3) : อเล็กซานเดอร์ นือเบล - เจฟฟรี่ย์ บรูม่า, ซาลิฟ ซาเน่, มาติย่า นาสตาซิช - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, เซบาสเตียน รูดี้, เวสตัน แม็คเคนนี่, บาสเตียน ออซซิปก้า - มาร์ค อูธ, อาห์เหม็ด คูตูกู, แร็บบี มาตอนโด้
เทรนเนอร์ : โดเมนิโก้ เตเดสโก้
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ - เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา - ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'', ลีรอย ซาเน่
เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เดล เซร์โร่ (สเปน)
ข้อมูลน่าสนใจก่อนเกม
- แมนฯ ซิตี้เคยชนะชาลเก้ถึงถิ่น 2-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า คัพ (ปัจจุบันชื่อยูโรปา ลีก) เมื่อซีซั่น 2008-09
- ย้อนไปในปี 1970 เรือใบสีฟ้ายังเอาชนะชาลเก้ได้อีกในรอบรองชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ (เลกแรกบุกแพ้ 0-1 เลกสองกลับมาชนะ 5-1)
- ชาลเก้ได้เข้ารอบแค่ 2 จาก 5 ครั้งที่ลงเล่นรอบ 16 ทีมชปล. โดยทั้ง 2 หนดังกล่าวนั้นพวกเขาชนะเลกแรกในบ้านเหนือปอร์โต้ 2007-08 และบาเลนเซีย 2010-11
- เฉพาะในรังชาลเก้ชนะแค่ 3 จาก 8 เกมชปล.ล่าสุด (เสมอ 3 แพ้ 3) และเสียพรุนทั้งสิ้น 18 ประตู
- กระนั้นเมื่อเหมารวมทั้งชปล. และยูโรปาแล้ว ชาลเก้ไม่แพ้เกมเหย้ามา 9 เกมติดต่อกัน (ชนะ 6 เสมอ 3)
- ราชันสีน้ำเงินมีสถิติเจอทีมอังกฤษไม่ดีเลย ไร้ชัย 5 เกมรวด (เสมอ 2 แพ้ 3) นับตั้งแต่บุกอัดอาร์เซน่อล 2-0 เมื่อ ต.ค. 2012 ขณะที่หนล่าสุดในรังนั้นโดนเชลซียำ 5-0 ในรอบแบ่งกลุ่มชปล. 2014-15
- เกมแพ้เชลซีดังกล่าวยังส่งให้ชาลเก้ไม่ชนะทีมอังกฤษในบ้าน 6 นัดซ้อน (เสมอ 2 แพ้ 4) เสียรวม 14 ยิงได้แค่ 2
- แมนฯ ซิตี้การันตีรอบ 16 ทีมตลอดทุกปีนับตั้งแต่ 2013-14 แต่ตีตั๋วผ่านได้เพียง 2 จากทั้งหมด 5 ครั้ง โดยซีซั่นล่าสุดเลกแรกบุกรัวบาเซิ่ล 4-0 เลกสองแพ้คาบ้าน 1-2
- ชัยชนะที่บาเซิ่ลยังเป็นเพียงหนที่ 2 ที่ซิตี้ชนะเกมเยือนรอบน็อกเอาต์ชปล. อีกเกมเจอดินาโม เคียฟ (3-1) เมื่อ 2015-16 ที่เหลืออีก 3 แมตช์แพ้รวด
- ทีมเรือใบชนะ 3 จาก 5 เกมล่าสุดที่เจอทีมเยอรมัน และแพ้แค่หนเดียวเท่านั้น ล่าสุดก็คือรอบแบ่งกลุ่มซีซั่นนี้ที่ชนะฮอฟเฟ่นไฮม์ไป-กลับในสกอร์ 2-1
- ลีรอย ซาเน่ ปีกแมนฯ ซิตี้จะได้กลับมาเยือนอู่ข้าวอู่น้ำที่เริ่มต้นอาชีพนักเตะ
- เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงแมนฯ ซิตี้เคยยิง 1 จ่ายอีก 2 สมัยสวมชุดแอต.มาดริดชนะชาลเก้ 4-0 ในรอบคัดเลือกชปล.เมื่อ 2008-09
- มาติย่า นาสตาซิช กองหลังชาลเก้เคยสังกัดอยู่แมนฯ ซิตี้ ระหว่างปี 2012-15
โพสต์โดย : salnasa เมื่อ 20 ก.พ. 2562 21:33:41 น. อ่าน 110 ตอบ 0